ASP Strategic Move ปรับหมากกลยุทธ์ 4 ก.พ. 58
วานนี้ SET Index ปรับพุ่งขึ้นแรงกว่า 1.3% โดยเป็นผลมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของกลุ่ม Big Cap อย่าง กลุ่มพลังงานที่บวกแรงกว่า 3.7% (บวกมากที่สุดเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่นๆ) และมีผลต่อดัชนีถึง 0.6% หรือกว่า 9.5 จุด รองลงมาเป็นกลุ่มปิโตรเคมีปรับเพิ่มขึ้น 2.54% หนุน SET50 Index ขึ้นได้ 0.75% หรือ 1.21 จุด ธนาคารฯ ก็มีการทำ Technical Rebound ขึ้นมาได้อย่างที่คาดกว่า 2.1% ช่วยดึงดัชนีขึ้นได้อีก 0.38% หรือ 6 จุดทั้ง 3 กลุ่มนี้มีผลต่อดัชนีโดยรวมถึง 1.05% (ถ้าไม่รวม 3 กลุ่มดังกล่าว SET50 Index จะปรับเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 0.25% เท่านั้น) ประเมินการเคลื่อนไหวในวันนี้ ตลาดมีปัจจัยบวกระยะสั้นหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Sentiment เชิงบวกจากการปรับเพิ่มขึ้นของดัชนีหุ้นต่างประเทศ ดาวโจนส์บวกเมื่อคืนกว่า 305.36 จุด หรือ 1.76% กลุ่มพลังงานยังมีแรงหนุนต่อเนื่องจากราคาน้ำมันดิบ NYMEX ที่ขึ้นต่ออีกกว่า 3.48 เหรียญ/บาร์เรล หรือกว่า 7% กลุ่มธนาคารฯ ก็ได้ Sentiment หนุนจากความคาดหวังต่อ Fund Flow หลังวานนี้นักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้อสุทธิกว่า 2.3 พันล้านบาท
จาก ASP market Talks ราคาน้ำมันดิบโลกยังฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 หลังจากเคลื่อนไหวในระดับต่ำสุดที่ 43-45 เหรียญฯต่อบาร์เรล ตลอด 2 สัปดาห์แรกของเดือน ม.ค. โดยราคาน้ำมันดิบดูไบวานนี้ปิดที่ 55 เหรียญฯต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น ฟื้นตัวจากจุดต่ำสุด 44.5 เหรียญฯต่อบาร์เรล กว่า 20% ในช่วง 1 สัปดาห์เศษ ทั้งนี้ปัจจัยหนุนหลักเชื่อว่า ความกังวลต่อปริมาณผลิตน้ำมันดิบ/สำเร็จรูป ที่เกินความต้องการโลก มีแนวโน้มลดลง (หลังจากที่สหรัฐ สามารถพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตปิโตรเลี่ยมในชั้นหินดินดาน/Shale Oil จนสามารถทดแทนการนำเข้า สะท้อนได้จากที่ปี 2557 สหรัฐนำเข้าน้ำมันสุทธิเพียง 7 ล้านบาร์เรล จากที่เคยเข้าน้ำมันปีละกว่า 11 ล้านบาร์เรล ในช่วง 5 ปี) จากหลายปัจจัยดังที่ได้กล่าวไปเมื่อวานนี้ คือ
ผู้ผลิต Shale oil 37 ราย จากทั้งหมด 38 ราย ประสบปัญหาขาดทุน และไปกินส่วนทุนจน ติดลบ ทำให้เจ้าหนี้หลักคือ ผู้ถือหุ้นกู้ หยุดการให้กู้ยืมตามเงื่อนไขที่เคยตกกัน และในจำนวนนี้มี 1 รายคือ บริษัท WBH Energy LP ได้เข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการภายใต้ Chapter 11 (ดังที่เคยนำเสนอใน Market Talk เมื่อวันที่ 9 ม.ค. ที่ผ่านมา) และ ทำให้ผู้ประกอบการปิโตรเลี่ยมขั้นต้นได้ทยอยตัดลดงบลงทุนอย่างต่อเนื่อง (เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมต้องการใช้เงินลงทุนสูงในการขุดเจาะ หรือ capital intensive) เช่น BP ตัดลดงบลงทุน 20 พันล้านเหรียญฯ จากที่เคยกำหนดวงเงินไว้สูงถึง 24-26 พันล้านเหรียญฯ ในปี 2558 เป็นต้น
ผลวิจัยของ Baker Hughes เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาพบว่า แท่นขุดเจาะน้ำมันดิบในสหรัฐลดลงมากถึง 94 แห่ง หรือกว่า 7% จากสัปดาห์ก่อนหน้า เหลือ 1,223 แห่ง ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 2556 และลดลงต่อเนื่อง 13 ใน 16 สัปดาห์หลังสุด
การประท้วงของคนงานโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีกว่า 9 แห่งในสหรัฐฯ รวมถึงอุตสาหกรรม Supply Chain ต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 และมีแนวโน้มยืดเยื้อถึง 1-2 สัปดาห์ หลังจากการเจรจาขอเพิ่มค่าแรง และสวัสดิการเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งคาดว่ากำลังการผลิตของโรงกลั่น ฯ น่าจะหายไปจากเหตุกาณณ์นี้รวม 10% ของประเทศ
และล่าสุด ผลการสำรวจเจ้าหน้าสินเชื่ออาวุโสในหสรัฐ พบว่าสถาบันการเงินส่วนใหญ่ มีนโยบายในการปล่อยสินเชื่อใน อุตสาหกรรมพลังงาน มากขึ้นกว่าเดิม หลังราคาน้ำมันตกต่ำกว่า 50% (ขณะที่ยืดหยุ่นสินเชื่อบุคคล และ รถยนต์เป็นต้น) ซึ่งยิ่งเป็นการลดแผนการลงทุนของผู้ประกอบการในระยะสั้น และ ระยะกลาง
นอกจากนี้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (vs สกุลคู่ค้าหลัก 6 แห่ง) อ่อนค่าลงมาแตะ 93.1 จุด จากจุดสูงสุดที่ 95 จุด ( หลังจากที่แข็งค่ากว่า 18% นับจากเดือน ก.ค. 2557 จนถึงปัจจุบัน (ตรงกันข้ามกับค่าเงินยูโรอ่อนค่ากว่า 18% ในช่วงเดียวกัน) ซึ่งน่าจะเป็นผลจากที่ตลาดคาดว่า FED น่าจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย หลังเงินเฟ้อต่ำกว่าคาด ถือเป็นปัจจัยหนุนน้ำมันที่สำคัญอีกประการ
โดยสรุปเชื่อว่าปัจจัยหล่านี้จะหนุนราคาน้ำมันดิบโลกขึ้นไปยืนเหนือ 60 เหรียญฯต่อบาร์เรล และแตะ 70 เหรียญฯ ต่อบาร์เรล อีกครั้ง ซึ่งเป็นไปตามสมมุติของนักวิเคราะห์กลุ่มพลังงานของ ASP ที่ประเมินว่าราคาน้ำมันดิบดูไบใน 6 เดือนแรกของปีนี้เฉลี่ยจะอยู่ที่ 65 เหรียญฯ และ เฉลี่ย 85 เหรียญฯ ในช่วง 6 เดือนหลังของปนี้ (และราคาน้ำมันดิบในระยะยาวกำหนดไว้ที่ เฉลี่ย 75 เหรียญฯ ในปี 2558 เป็นต้นไป) ในสถานการณ์นี้ยังดี หุ้นปิโตรเลี่ยมขั้นต้นทั้ง PTT(FV@B398) PTTEP(FV@B134) และ ยังแนะนำสะสมต่อไป PTTGC (FV@B68) เป็นผู้ผลิตรปิโตรเคมีสายโอเลฟินส์ (ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นวัตถุดิบ ซึ่งราคาก๊าซฯ จะปรับขึ้นช้ากว่า Naptha) จึงได้ประโยชน์จากสถานการณ์ปัจจุบัน หุ้นทั้ง 3 บริษัทจึงถึอเป็น Top picks และน่าจะเป็นหุ้นนำตลาดในขณะนี้
Ant eye view : แท่งเทียนเขียวยาวสะใจ มาต่อเนื่องจากสัญญาณ Hammer เล็กๆ แม้ว่า Volume จะไม่ได้มากมาย มูลค่าการซื้อขายแค่ 4.8 หมื่นล้านบาท แต่ Momentum การขึ้นที่รุนแรงระดับ Hardcore ล้างโลกแบบนี้ มันคือรูปแบบของ Bullish Breakout (หรืออาจมองเป็นรูปแบบ Bullish 3 Method Formation ก็ได้) ที่สามารถลากราคาขึ้นทดสอบ 1,610 จุด และอาจยาวต่อเนื่องถึงฝัน 1,650 จุด
สัญญาณการ ขึ้น – พัก – ขึ้นต่อ มาครบถ้วน คาดว่าอีกไม่นานดัชนีจะขึ้นผ่าน 1,610 จุด ก่อนจะยิงยาวต่อเนื่องถึง 1,650 จุด
กลยุทธ์การลงทุน Investment Tactic : เชื่อว่า Supply น้ำมันส่วนเกินโลกมีแนวโน้มลดลง ดีต่อหุ้นปิโตรเลี่ยม (PTT, PTTEP) และ ปิโตรเคมี (PTTGC ที่ใช้ก๊าซ ฯ เป็นวัตถุดิบ) นอกจากนั้น ให้เลือกกลยุทธ์ตาม Theme อื่นๆดังนี้
■ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง เลือกอสังหาฯ PS SPALI
■ หุ้น Growth Stocks และมี Story เด่นเกี่ยวกับดีล M&A เลือก SAWAD
■ หุ้น P/E ต่ำเฉลี่ยกลุ่ม ผลประกอบการเด่น : SYNTEC, CHG
■ หุ้นปันผลเด่น : ADVANC, INTUCH, AIT, SPALI
■ Portfolio Update : ADVANC, AIT, CHG, PTTGC, PS, SPALI, STPI, SAWAD, SYNTEC, INTUCH
 
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น