หน้าเว็บ

ข่าวทันหุ้นวันนี้

วันอังคารที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2558

ASP Strategic Move ปรับหมากกลยุทธ์ 1 เม.ย. 58

ASP Strategic Move ปรับหมากกลยุทธ์ 1 เม.ย. 58

วานนี้ SET Index ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 9.43 จุด หรือ 0.63% หลังได้ปัจจัยหนุน นายกฯ เสนอทูลเกล้ายกเลิกกฎอัยการศึก ประเมินการฟื้นตัวของ SET Index ยังไม่เสถียรเท่าไหร่นัก เพราะมูลค่าการซื้อขายโดยรวมยังต่ำกว่าเฉลี่ยตั้งแต่ต้นปี 2558 มาก (วานนี้มีเข้ามา 3.5 หมื่นล้านบาท ขณะที่เฉลี่ยปี 2558 อยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท) อีกทั้ง SET50 Index ฟื้นตัวช้ากว่า SET Index อย่างเห็นได้ชัด (2 วันที่ผ่านมา SET Index บวก 0.72% แต่ SET50 ขึ้นเพียง 0.44%) สะท้อนว่าที่ตลาดขึ้นมาจากการ ซื้อกลับหุ้นขนาดกลาง-เล็ก ซึ่งอาจเป็นแค่การซื้อคืนเพื่อลุ้นทำกำไรระยะสั้นตามจังหวะ Technical Rebound เท่านั้น นอกจากนี้ความผ่อนคลายจากการยกเลิกกฎอัยการศึก คาดว่าจะเป็นแค่ Sentiment เชิงบวกในระยะสั้นๆ เพราะว่าในระยะถัดไปจะถูกแทนที่ด้วยความกังวลเกี่ยวกับการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมณูญฉบับชั่วคราว ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องติดตามประกาศที่จะออกมาบังคับใช้จากมาตรา 44 สำหรับวันนี้คาดดัชนีอาจแกว่งตัวเชิงลบในกรอบแคบ 1,494 -1,512 จุด จากบรรยากาศเชิงลบการปรับฐานของหุ้นทั่วโลก (ดัชนีดาวโจนส์ปรับร่วงกว่า 1.11%) โดยดัชนีอาจได้ปัจจัยทางเศรษฐกิจในประเทศที่ผ่อนคลายมากขึ้นเป็นตัวประคองตลาด หลัง กระทรวงการคลังเปิดเผยตัวเลขการเบิกจ่ายงบประมาณครึ่งปี 2558 ได้เกินครึ่งที่ 50.8% มาจากงบประจำเบิกได้ 1.17 ล้านบาทจาก 2.12 ล้านบาทคิดเป็น 53.6% งบลงทุนเบิกได้ 1.33 แสนล้านบาทจากวงเงินทั้งสิ้น 4.49 แสนล้านบาทคิดเป็น 29.58% และการเบิกจ่ายงบเหลื่อมปีวงเงิน 3.6 แสนล้านบาทสามารถเบิกได้ 1.34 แสนล้านบาท หรือในสัดส่วน 3.8%

จาก ASP Market Talks วันนี้ ธุรกิจการบิน และ สนามบินไทย ICAO ซึ่งเป็นหน่วยงาน ควบคุมมาตรฐานการดูแลธุรกิจการบินแต่ละประเทศ ได้มีข้อสรุปว่า ทำงานกรมการบินพลเรือนไทย (บพ.) ต่ำกว่ามาตรฐาน (บุคคลากรภาครัฐที่ควบคุมมาตรฐานการบินมีน้อยมาก เทียบกับจำนวนสายการบินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา) ส่งผลให้หลายประเทศ ระงับการเพิ่มเที่ยวบินเหมาลำจากไทย เช่น ญี่ปุ่น เกาหลี จีน นอกจากนี้ยังชะลอการเปิดจุดบินใหม่ๆ และมีบางประเทศ เช่น สิงคโปร์ เริ่มเข้มงวด การเพิ่มสายการบินจากไทย ซึ่งกระทบต่อผู้ให้บริการสายการบินของไทย เรียงลำดับจากกระทบมากไปน้อยคือ NOK(BV@B6) เนื่องจากถือหุ้นทางอ้อมของ สายการบินนกสกู๊ต (สัดส่วนการถือหุ้นสุทธิ 24%) ซึ่งได้ถูกระงับเที่ยวบินไปญี่ปุ่น และ เกาหลีใต้ทั้งหมด รองมา คือ THAI(ถือ:FV@B15.3 มี BV@B18.8) (เฉพาะการเพิ่มเที่ยวบินเหมาลำไปญี่ปุ่น 2 เที่ยว และ THAI มีใบอนุญาตการบินครบถ้วนความเสี่ยงจึงน้อย) และ AAV(ซื้อ:FV@B6 มี BV@B6) คาดว่าน่าจะกระทบน้อย เพราะ AAV มีความสัมพันธ์กับ สายการบิน แอร์เอเชีย เอ๊กซ์ ในลักษณะของการมีผู้ถือหุ้นกลุ่มเดียวกันเท่านั้น ผลกระทบที่เกิดกับ แอร์เอเชีย เอ๊กซ์ จึงไม่มีผลต่อ รายได้และกำไรของ AAV แต่อาจจะกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุน อย่างไรก็ตาม AAV อาจจะได้รับผลกระทบบ้างในเรื่องของการเปิดจุดบินใหม่ๆ ที่อยู่ในแผนเช่น ในจีน เป็นต้น และ BA(ซื้อ: FV@B25.5 มี BV@B12) น่าจะกระทบน้อยสุด เพราะ เส้นทางบินส่วนใหญ่อยู่ในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จึงไม่มีเที่ยวบินไปญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือจีน (ขณะที่มีใบอนุญาตครบถ้วนเช่นเดียวกับ THAI จึงเป็น 2 ราย ที่ไม่น่ากังวล) ขณะนี้เชื่อว่ารัฐฯจะพยายามเข้ามาเร่งแก้ไขปัญหาเอง ซึ่งคาดจะเห็นพัฒนาการเชิงบวกตามที่ ICAO กำหนดภายใน 2 เดือน และปัญหาทั้งหมดจะถูกแก้ใน 8 เดือน ซึ่งหากเป็นไปตามสมมติฐานนี้คาดว่า กระทบต่อ AOT ในฐานะที่เป็นผู้ผูกขาดการให้บริการสนามบิน โดยผลกระทบที่จะเกิดขึ้นคือ จำนวนเที่ยวบินขึ้น-ลง สนามบิน ที่ AOT น่าจะหายไปราว 400 เที่ยว หรือคิดเป็น 0.06% ของเที่ยวบินทั้งหมด ส่วนจำนวนผู้โดยสารหายไปราว 6 แสนคน หรือ ราว คิดเป็น 0.69% ของจำนวนผู้โดยสารที่ประเมินไว้ที่ 86 ล้านรายในปี 2558 ทั้งหมดนี้จะกระทบต่อการรับรู้รายได้ค่าธรรมเนียมผ่านสนาม (ทั้งรายบุคคล และ สายการบิน) และในการประเมินเบื้องต้น หากมองโลกในแง่ร้าย โดยให้เที่ยวบินเหมาลำซึ่งคิดเป็น 5% ของเที่ยวบินทั้งหมด ถูกยกเลิก คาดว่าจะกดดันให้กำไรสุทธิของ AOT หายไปราว 15% จากประมาณการเดิม และ จะกระทบต่อ Fair Value ราว 25 บาท หรือลดลงราว 7.8% ลงมาที่ 295 บาท ซึ่งเมื่อเทียบกับราคาตลลาดแล้วพบว่า เริ่มมี upside 6% แต่อย่างไรก็ตามสถานการณ์ปัจจุบันถือว่ายังคงสุ่มเสี่ยง จึงยังคงคำแนะนำ ถือ หุ้น AOT ต่อ ไป สำหรับนักลงทุนที่มีหุ้น AOT อยู่แล้ว แต่สำหรับผู้ที่ต้องการ ลงทุนระยะสั้น คาดว่าแนวรับที่ 260 บาท ทำให้มี upside จาก Fair Value ที่ 295 ราว 12% จึงเป็นจุดที่แนะนำให้เริ่มสะสมรอบใหม่
ท่องเที่ยว การยกเลิกกฏอัยการศึก และ หันมาใช้ มาตร.44 ยังไม่อาจสรุปว่าทุกอย่างจะกลับมาปกติ กล่าวคือ จะยังเป็นอุปสรรค ต่อธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะการจัดประชุมสัมมนาระหว่างประเทศ (business trip) เนื่องจากบริษัทประกันภัย ไม่คุ้มครองในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่สุ่มเสี่ยงต่อชีวิต ประกอบกับ ปัญหาอุตสาหกรรมการบินไทย จากที่เกิดจากหน่วยงานภาครัฐขาดประสิทธิภาพดังกล่าวข้างต้น อาจจะทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวไทยสะดุดหรือไม่ เพราะในปี 2558 มีการตั้งเป้าหมายยอดท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากปี 2557 ถึง 13% เป็น 28 ล้านคน ขณะที่ ฤดูกาลท่องเที่ยว (พีค) ซึ่งตามปกติจะเกิดขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี และ ไตรมาสแรก ทุกปี ได้ผ่านพ้นไปแล้ว โดยข้อมูลล่าสุดพบว่ายอดนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทย ในเดือน ม.ค. 2558 มีทั้งสิ้น 2.65 ล้านคน เพิ่มขึ้น 16.3% จาก ม.ค. 2557 เป็นการเติบโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ทั้งนี้แม้ว่าการเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากนักท่องเที่ยวในแถบเอเซียตะวันออก ซึ่งมีสัดส่วนเพิ่มจาก 47.27% ในปี 2557 เป็น 58.23% ในช่วง ม.ค. 2558 โดยพบว่าส่วนใหญ่มาจาก อาเซียน ( เพิ่มจาก 18.28% เป็น 23.44%) และ จีน (จาก 15.6% เป็น 21.11%) ขณะที่นักท่องเที่ยวจากกลุ่มสหภาพยุโรปลดลงจาก 37.2% เหลือ 27.4% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการลดลงของชาติรัสเซีย ฟินแลนด์ สวีเดน นอร์เวย์ และ เนเธอร์แลนด์ เป็นต้น

Ant eye view : การก้าวข้ามผ่าน SMA 5 วัน ทำให้เกิดสัญญาณฟื้นตัวระยะสั้นๆได้ดีระดับหนึ่ง ที่จะต้องลุ้นกันต่อก็คือ SET จะผ่าน 1,512 จุด และ 1,517 จุด จาก EMA 14 วัน ได้หรือไม่ หากผ่านได้ จะเป็นการพ้นอิทธิพลขาลงในช่วงสั้น แต่ส่วนตัวกังวลว่าคงผ่านด่าน 1,512 และ 1,517 จุด ยาก เพราะดูอาการ SET แล้ว มันอ่อนแอโรครุมเยอะเหลือเกิน
ภาพระยะกลาง เป็นห่วงจากใจเลยว่า SET อาจลงยาวต่อเนื่องได้อีก (ยกเว้นว่าจะผ่าน 1,512 และ 1,517 จุด ขึ้นไปได้) หากดัชนีไม่ผ่าน 2 ด่านสำคัญ และพลิกกลับมาต่ำกว่า 1,500 จุด และ 1,494 จุดอีกครั้ง คาดว่าดัชนีจะไหลลงทดสอบ 1,478 จุด และลงต่ออย่างน้อยถึง 1,452 จุด

บทวิเคราะห์รายไตรมาส Invest+ 2Q58 ออกแล้วนะครับ ผู้อ่านสามารถ Download ได้ที่ web link ด้านล่าง http://inv4.asiaplus.co.th/web_research/…/03/Mar_2015xxx.pdf
กลยุทธ์การลงทุน Investment Tactic : SET ยังแกว่งตัวลง เนื่องจากยังขาดความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ แต่ณ ค่า PER 14.5 เท่า ถือ เป็นโอกาสสะสมหุ้นพื้นฐาน PER ต่ำ+ ปันผลสูง ที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในเดือน เม.ย. คือ AIT(FV@B53) และ ยังเลือก STPI(FV@B23.6) เป็น Top Pick เพราะมีโอกาสได้งานใหม่สูงมาก
■ หุ้น PER ต่ำ และเตรียมมี Story เด่น STPI
■ หุ้นที่ได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยขาลง ASK, SPALI
■ Portfolio Update : ASK, SPALI,

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หันเล่นหุ้นมือใหม่