ซื้อคืน (สั้นๆ) โมนิก้าและทีมงาน

ซื้อคืน (สั้นๆ)

โมนิก้าและทีมงาน

*กลายเป็นที่โจษจันเมื่อดัชนีดีดกลับอย่างร้อนแรง พร้อมด้วยคำอธิบายข้างๆ คูๆ ที่ออกมาจากปากของ “กองทุน” และ “ปอบผีฟ้า” ซึ่งเป็นการตอกย้ำแนวทางการลงทุนของนักลงทุนกลุ่มนี้ยังเน้นเรื่อง “ทุบหุ้นเอาของถูก” เดี๊ยนถึงเห็นด้วยที่แมงเม่าสาดหุ้นออกมา เพราะทฤษฎีการลงทุนที่ถูกต้องในช่วงตลาดหุ้นผันผวนต้องเน้นไปที่การทำกำไรในทุกสถานะตัวเอง

*นอกจากนี้ยังทำให้ทุกคนรู้ว่า ใครเป็นตัวเหตุที่ทำให้ดัชนีดิ่งลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา? และเหตุผลในการขายหุ้นจริงๆ ก็มีแค่เรื่องการทำกำไรในช่วงขาลง หรือภาษาทางการเขาเรียกยุทธวิธีนี้ว่า short sell ซึ่งเป็นเหตุการณ์เดิมๆ ที่เห็นได้เป็นประจำในยามที่ตลาดหุ้นขาดปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่น  แต่สุดท้ายคนเหล่านั้นมักหวนกลับเข้ามาซื้อหุ้นคืนเป็นประจำนะคะ

*วานนี้ถึงเห็นยอดซื้อของกองทุนในประเทศ 1.18 พันล้านบาท ส่วนปอบผีฟ้าก็ซัดเข้าพอร์ตไปเกือบ 900 ล้านบาท ขณะที่แมงเม่ากับฝรั่งเทขายหุ้นออกมาคนละ 1 พันล้านบาท โดยที่ดัชนีวิ่งขึ้นมาปิดที่ 1,531.50 จุด บวกไป 18.66 จุด ด้วยมูลค่า 4.13 หมื่นล้านบาท “โมนิก้า” ถือเป็นเกมที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องไปตื่นเต้นตามไปด้วย ถ้ามีโอกาสขายทำกำไร ก็ต้องขายในทันทีนะจ๊ะ

*ในเมื่อเกมเดินไปในทางนี้ หุ้นบลูชิพถึงขยับขึ้นแดนบวกกันอย่างถ้วนหน้า และทำท่าจะทะยานขึ้นไปหาแนวต้านครั้งก่อนอย่างรวดเร็วแบบนี้ ย่อมเป็นการเปิดโอกาสให้นักเล่นโหนกระแสในทันที ซึ่งดูไปแล้วไม่มีอะไรเลิศหรูอลังการ ในเมื่อผลตอบแทนของการเล่นเที่ยวนี้อยู่ในระดับ 5-7% ย่อมไม่มีอะไรมาสะกิดต่อมอยากรู้อยากเห็น จึงขอเม้าท์ถึงเฉพาะหุ้นฮอตฮิตเท่านั้นเจ้าค่ะ

*โดยเฉพาะในรายของ IFEC มีประเด็นให้ชวนปวดหัวอีกแล้ว หลังจากข้อมูลข่าวสารที่แพร่กระจายตามท้องตลาด มีการโยนขี้ให้คนนั้นคนนี้ ซึ่งไม่ใช่สาระสำคัญของเกมหุ้น แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องแต่ละรายกลับร้อนตัว “โมนิก้า” ถึงอยากให้ทุกคนเข้าใจเสียทีว่า เขาเม้าท์กันแบบนี้..ใครมีข้อมูลอะไรใหม่ๆ เดี๊ยนยินดีนำมาตีแผ่ให้ทุกคนเห็น..ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เชื่อขนมกินได้เลยว่า ทันทีที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 14.90 บาท บวกไป 1.40 บาท หรือขึ้นไป 10% ด้วยมูลค่า 1.70 พันล้านบาท ทุกคนลืมความขมขืนไปหมดแล้วหละ..อิอิอิ

 *เช่นเดียวกับในรายของ SPACK จู่ๆ กระชากขึ้นมาปิดที่ 3.50 บาท บวกไป 0.80 บาท หรือขึ้นไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 160 ล้านบาท มันเป็นเพียงเกมหุ้นที่ผู้ต้องตามให้ทัน รูปแบบการทำราคายังเป็นมุขเดิมๆ บวกกับประวัติเก่าๆ ไม่เคยทำให้ประทับใจจอร์จเลยสักครั้ง เลยบอกได้แค่ว่า ถ้าคิดจะเอา..ต้องซอยถี่ๆ อย่าไปเคลิบเคลิ้มตามคนอื่นเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ SPPT กับ SMT มีประเด็นอะไรใหม่ๆ ชวนให้หลงตามหรือเปล่า? “โมนิก้า” ตอบได้ทันทีว่า ยังไม่มี แรงซื้อที่มีเข้ามาในรอบนี้ น่าจะเป็นเพียงแค่สายลมพัดผ่าน รูปแบบจริงๆ ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่ราคาหุ้นในกระดานวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.12 บาท บวกไป 0.38 บาท หรือขึ้นไป 13.90%  ส่วนรายหลังปิดที่ 8.10 บาท บวกไป 0.90 บาท หรือขึ้นไป 12.50%  ถือเป็นข้อมูลที่ต้องไปคิดกันเอาเอง เดี๊ยนไม่สามารถฟันธงลงไปว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามที่เม้าท์นะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับในรายของ ABICO แกว่งตัวฉวัดเฉวียนตามสไตล์หุ้นน้องใหม่สดๆ ซิงๆ ข่าวสารถึงไหลออกมาอย่างพรั่งพรู แถมประกาศตัวเองเป็นโฮลดิ้งฯ ย่อมทำให้ผู้คนจิตนาการไปไกลแสนไกล วานนี้ถึงเห็นหุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 18.20 บาท บวกไป 3.20 บาท หรือขึ้นไป 21% วอลุ่มนำโด่งเป็นอันดับ 1 ในตลาด mai มันเป็นช็อตที่ต้องเล่นตามน้ำนะจะบอกให้

*ตบท้ายกันที่ควันหลงของสองสิงห์ไม่กินกัน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่าง “สิงห์หนุ่มค่ายประกัน” ปะทะ “สิงห์ตัวแม่ค่ายกองทุน” เรื่องราวเลยลุกลามใหญ่โต จนกลายเป็นประเด็นที่ด่ากันต่อหน้า และลับหลังกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน ว่ากันว่า เรื่องนี้มีต้นตอมาจากการเสียบข้างหลัง แถมกรรมการยังเข้าข้างทางด้านสิงห์หนุ่ม จึงกลายเป็นหนังเรื่องยาวที่ไม่รู้จะจบลงอย่างไร

*เม้าท์แบบนี้! หลายคนสงสัยเกิดอะไรขึ้นในแวดวงตลาดหุ้น “โมนิก้า” ตอบได้ทันทีว่า ไม่มีอะไรมาก แค่เรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษี! ซึ่งเป็นเรื่องที่ค้างคากันมาเป็นเวลานานพอสมควร แถมแต่ละฝั่งต้องการความชัดเจน จึงไม่มีใครยอมใคร ฝ่ายหนึ่งอ้างว่า ยื่นเรื่องมาก่อน อีกฝ่ายก็อ้างว่า รอมานานเหมือนกัน รายการเขม่นเลยเกิดขึ้นในทันที..บทสรุปของเรื่องนี้จะออกมาเป็นแบบไหน..โปรดติดตามตอนต่อไป..เรื่องเผือกๆ เดี๊ยนชอบอยู่แล้ว..555